ในยุคปัจจุบันกล่าวได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้า ( Vapecart ) หรือจะเป็นบุหรี่ไฟฟ้ากัญชานั้น เป็นสิ่งที่มาแทนบุหรี่มวนได้อย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งแต่แรกเริ่มเดิมที บุหรี่ไฟฟ้าได้รับการโฆษณาสรรพคุณต่างๆมากมาย ว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้เลิกบุหรี่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และเป็นบุหรี่ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่มาจนถึงยุคในปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้านั้น ได้กลายเป็นเหมือนกับทางเลือกแรกสำหรับ วัยรุ่น มากขึ้น ในฐานะ แฟชั่นใหม่ หรือเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า บุหรี่แบบมวนก็ว่าได้ วัยรุ่นส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันจะนิยมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างมาก ทั้งพกพาง่าย และมีกลิ่นให้เลือกหลากหลาย ควันไม่เยอะ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น 

Vapecart บุหรี่ไฟฟ้า เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ใครเป็นคนสร้างขึ้นมา ?

บุหรี่ไฟฟ้า และบุหรี่ กัญชาไฟฟ้า Vapecart ถูกประดิษฐ์ขึ้น โดยหวังสร้าง ทางเลือก ให้คนเลิกสูบบุหรี่แบบธรรมดา ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จนเกิดความเชื่อผิด ๆ ว่าปลอดภัย มีความอันตรายน้อยกว่า และนำมาใช้เพื่อให้เลิกสูบบุหรี่จริงได้

รายงานจากทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีพิษ และอันตรายมากกว่าบุหรี่แบบธรรมดา องค์การอนามัยโลกจึงประกาศว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่อุปกรณ์ หรือเครื่องมือสำหรับการเลิกบุหรี่ ความเป็นจริงคือ วิธีเลิกสูบบุหรี่โดยใช้บุหรี่ไฟฟ้านี้ได้ผลต่ำกว่าการใช้วิธีอื่น และยังทำให้ติดทั้งสองอย่างอีกด้วย

บุหรี่ไฟฟ้าได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยเภสัชกร ชาวจีนเมื่อ พ.ศ. 2546 โดยหวังสร้างทางเลือก ให้คนเลิกสูบบุหรี่แบบธรรมดา ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ กระแสโลกได้แพร่กระจายออกไปทั่วโลก อย่างรวดเร็วจนกลายเป็น สินค้า ที่ทำรายได้มหาศาลเพราะตรงกับวิถีชีวิต ของคนยุคใหม่ ที่อยากเสพความแปลกใหม่ เมื่อถูกกระแสสังคมออนไลน์โถมเข้าใส่ แบบไม่ให้โอกาสได้ไตร่ตรอง ผู้สูบส่วนมากจึงหลงประเด็น เกิดความเชื่อผิดๆ ว่าปลอดภัย มีความอันตรายน้อยกว่าและนำมาใช้เพื่อให้เลิกสูบบุหรี่ได้ 

ความเชื่อเหล่านั้น ในความจริงพบว่า แม้ตัวผู้ประดิษฐ์เอง ก็เลิกสูบบุหรี่ไม่ได้และยังติดบุหรี่ทั้งสองอย่างอีกด้วย และเมื่อ พ.ศ. 2558 ประเทศ อังกฤษ เคยรายงานว่าบุหรี่ไฟฟ้า ปลอดภัยกว่าบุหรี่แบบธรรมดา ถึงร้อยละ 95 เปอร์เซ็นต์นั้น ได้ถูก ประเทศ อินเดีย ได้ยกประเด็นขึ้นมาหักล้าง โดยชี้ว่ารายงานนั้นเป็นแบบจำลองกึ่งสมมุติฐาน 

จากความเห็นที่ไม่มีหลักฐานและนักวิชาการผู้ร่วมเขียนมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท บุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากอินเดียประสบปัญหาเกิดนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้น และพบว่าผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่ร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์ ยังคงติดสาร นิโคติน ตรงกับข้อมูลของประเทศอเมริกา ที่พบว่าบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เยาวชนเสพติด โดยจากการสำรวจ พบว่ามีวัยรุ่นเริ่มสูบบุหรี่เมื่ออายุที่น้อยกว่าเดิมถึง 2 เท่า และรายงานจากทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีพิษและอันตราย มากกว่าบุหรี่แบบธรรมดา เช่น ไอความร้อนที่สูงมากทำลายเซลล์เยื่อบุทางหายใจ

บุหรี่กัญชาไฟฟ้า  Vapecart คืออะไร มีกลไกในการทำงานอย่างไร ?

บุหรี่ไฟฟ้า รือบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ ส่งพลังงานไปที่ชุดทำความร้อน เพื่อระเหยสารนิโคติน ให้กลายเป็นไอ สูดเข้าสู่ร่างกาย ประกอบด้วยตลับเก็บน้ำยา นิโคติน ผสมกับสารปรุงแต่งกลิ่นรสและสารต่าง ๆ เพื่อทำให้วัยรุ่นชอบ จูงใจให้หัดสูบง่ายจนติด และเลิกสูบยาก ซึ่งสารปรุงแต่งรสเหล่านี้ ก่อให้เกิดมะเร็งได้ สามารถปรับระดับให้ไอละอองนิโคตินได้อย่างละเอียดและมากขึ้น เพื่อเพิ่มนิโคตินให้เข้าสู่ร่างกายมากตามที่ต้องการ ไอละอองเหล่านี้สามารถทำลายสุขภาพ ผู้ที่อยู่รอบข้างแบบควันบุหรี่มือสองและมือสามได้ด้วย 

บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นแรก ทำรูปร่างแบบบุหรี่ทั่วไป รุ่นที่สองปรับเปลี่ยนแบบเหมือนปากกา หรือหลอดโลหะ รุ่นที่สามเปลี่ยนเป็นตัวทำให้นิโคตินเหลวระเหยกลายเป็นไอ ( Advanced personalized vaporizer ) และรุ่นที่สี่ ที่ใช้ในปัจจุบัน เรียกว่า Vapecart หรือ Vape Pod ออกแบบให้เข้ากับ Life style ของคนรุ่นใหม่ คือ สามารถบรรจุนิโคติน ในตลับสำเร็จรูป ขนาดกะทัดรัดคล้ายแฟลชไดร๊ฟ สามารถชาร์จไฟกับคอมพิวเตอร์ จัดเป็นบุหรี่ประเภทใช้ความร้อนแบบไม่เผาไหม้ (Heat-not-burn) หรือ บุหรี่ไฟฟ้าชนิดแห้ง ( Heated Tobacco Product, HTP )

ลักษณะตัวพอด ( POD ) ของบุหรี่ไฟฟ้า หรือ  Podกัญชา เป็นอุปกรณ์สูบบุหรี่ชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้กลไกไฟฟ้า Atomizer ที่ทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำที่ประกอบไปด้วย สารเคมีต่าง ๆ โดยไม่มีควันจากกระบวนการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ปกติทั่วไป ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 3 ส่วน คือ แบตเตอรี่  ตัวทำให้เกิดไอและความร้อน ( Atomizer ) และน้ำยา และถ้ากล่าวถึงเฉพาะส่วนของน้ำยา ที่จะถูกทำให้เป็นไอ

การเสพยาสูบ ( สูบบุหรี่ ) ไม่ว่าวิธีใดๆ ทั้งบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้า ซิกก้าหรือบารากู่ ผู้เสพก็ได้รับสารนิโคตินเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังมีสารพิษอื่น ๆ กว่าหลักพันชนิด และสารก่อมะเร็งอีก 70 ชนิด เกิดขึ้นในกระบวนการเสพ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพนิโคติน ด้วยวิธีการใด สารต่างๆที่เกิดขึ้น ก็ทำให้หลอดเลือดตีบแข็งทั่วร่างกาย ตลอดจนถึงปลายเท้า ที่สำคัญคือ หลอดเลือดหัวใจตีบแข็ง เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย หลอดเลือดสมองเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต อีกทั้งส่งผลให้เยื่อบุหลอดลมและถุงลม เกิดการอักเสบเรื้อรัง เกิดโรคทางเดินหายใจอุดกั้น ถุงลมโป่งพอง เกิดมะเร็งปอดและในอวัยวะอื่นๆอีกมากถึง 14 อวัยวะ ที่สารในบุหรี่มีส่วนทำให้เกิดโรคเบาหวานเร็วกว่าปกติ และก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงและรวดเร็ว มากกว่าปกติ

ผลกระทบด้านของสุขภาพของ Vape Cart บุหรี่ไฟฟ้า ที่เกิดขึ้นกับร่างกายมนุษย์

ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค ของประเทศอเมริกา ได้เตือนถึงอันตรายของสารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า ที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการของสมองวัยรุ่น พบข้อมูลของคนอังกฤษ ที่เสียชีวิตจากโรคปอดที่เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าคนแรกของโลกเมื่อ พ.ศ. 2553 และในประเทศอเมริกา รายงานจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในเดือน มกราคม พ.ศ. 2563 พบผู้ป่วย ปอดอักเสบรวม 2,668 ราย เสียชีวิตรวม 60 ราย ซึ่งตัวเลขนี้ต่ำกว่าความเป็นจริงมากเพราะแพทย์อเมริกัน พบว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำให้คนเราเจ็บป่วยได้มากกว่าที่คิด 

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้ในปัจจุบันยังคงมีคนเจ็บป่วยอีกจำนวนมากที่ไม่ถูกรายงานให้สาธารณชน ได้ทราบเนื่องจากยังไม่มีการเสียชีวิต หรือเจ็บป่วยรุนแรงผลการศึกษาของ UC Riverside พบโลหะที่เป็นอันตราย ในไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้า เช่น โครเมียม ตะกั่วและนิกเกิล ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง 

นอกเหนือจากนี้ ยังพบว่าสารปรุงแต่งรส มินต์ และเมนธอล ในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ก่อให้เกิดมะเร็งได้ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ กว่า 70 คนใน นอร์ธแคโรไลนา ประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้รับพิษจากบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเกิดจากการดื่มน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เข้าตา หรือสัมผัสทาง ผิวหนัง สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติทางวิศวกรรมและการแพทย์ มีงานวิจัยที่แสดงว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดความเสี่ยงต่อ สุขภาพและปล่อยสารพิษ เยาวชนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงกับการมีอาการไอ และมีผลต่ออาการกำเริบของโรคหอบหืด

สถานการณ์ในปัจจบุันของ พอตกัญชา Vapecart บุหรี่ไฟฟ้ากัญชา

การเพิ่มขึ้นของนักสูบหน้าใหม่ใรปัจจุบัน ที่เป็นเยาวชน เป็นความกังวลหลักของหน่วยงานสาธารณสุข ของสหรัฐอเมริกา ศูนย์ควบคุม และป้องกันโรคติดต่อ ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยรายงานว่า ระหว่างปี 2016-2019 ยอดขายบุหรี่ไฟฟ้า ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นเกือบ 300% และพบว่าในปี 2020 มีเกือบ 20% เป็นนักเรียนมัธยมปลาย รายงานชี้ว่า เป็นผล มาจากกลิ่นและรส รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ที่ผู้ผลิต ต้องการดึงดูดใจวัยรุ่น และในปี 2019 สหรัฐอเมริกาตื่นตัว เรื่องการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า

 เมื่อมีรายงานพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบกว่า 2,500 คน และเสียชีวิต 55 คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า จน รัฐนิวยอร์ก ออกกฎหมายแบนบุหรี่ไฟฟ้าแต่งกลิ่น โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นการดึงดูดใจวัยรุ่น อย่างไรก็ตามต้นเดือนมกราคม 2563 ศาลคว่ำกฎหมายนี้ และในต่อมา เดือน กันยายน 2563 มีข้อกำหนดให้บริษัท ต้องยื่นขออนุญาตก่อนวางจำหน่าย ล่าสุดเมื่อ เดือน สิงหาคม 2021 องค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกาหรือ FDA ประกาศห้ามขายผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าแต่งกลิ่นและรส 55,000 รายการ เป็นครั้งแรก โดยให้เหตุผลว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเยาวชนในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ FDA เคยระบุว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นวิกฤต ในหมู่เยาวชนรุ่นใหม่

เช่นเดียวกับประเทศจีน ที่มีรายงานว่า คนอายุน้อยสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น แม้จะเป็นประเทศผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ ของโลก แต่มาตรการทางกฎหมาย เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าของจีน ยังไม่ชัดเจนนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เมื่อปลายปี 2562 เพิ่งห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ เพื่อป้องกันไม่ให้วัยรุ่นเข้าถึงได้ง่าย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ของจีนก็เคยทำแบบสำรวจในปีเดียวกัน พบว่านักเรียนมัธยมต้น ที่อายุระหว่าง 12-15 ปีทั่วประเทศ 2.7% ใช้บุหรี่ไฟฟ้าภายใน 30 วัน ก่อนทำแบบสำรวจ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2014 ประมาณ 1.5% 

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติร้านค้าต่างๆ ก็ยังคงขายอุปกรณ์ และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า โดยไม่ตรวจสอบอายุ และการขายออนไลน์ ยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะในแอปพลิเคชั่น WeChat และ Twitter 

ในปัจจุบัน ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการกำกับดูแลบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะเทียบเคียงกับบุหรี่ ยังอยู่ในขั้นตอนรับฟังความคิดเห็น ตั้งแต่เดือน มีนาคม 2564 ต่อมาในเดือน ตุลาคม 2564 มีการเผยผลสำรวจนักเรียนมัธยมต้น 2,400 คน ในหลายเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน พบว่า 4.5% เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างน้อย 1 ครั้งและ 1.6% เพิ่งสูบบุหรี่ไฟฟ้าภายใน 30 วัน ก่อนทำแบบสอบถาม เรื่องนี้ทำให้มีเสียงเรียกร้องให้รัฐ ให้ความสำคัญกับการควบคุม เช่น ควรห้ามออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ล่อใจวัยรุ่น

เราหวังว่าบทความวันนี้ จะพอไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ Vapecart บุหรี่กัญชาไฟฟ้า สำหรับเพื่อนๆ สายเขียวมือใหม่ได้กันไม่มากก็น้อย แต่ถ้าเพื่อนๆ เป็นผู้ที่เริ่มบริโภคกัญชาแบบจริงๆแล้วล่ะ ก็เราขอแนะนำให้เริ่มบริโภคแต่พอดี คุณจะทำให้คุณค่อยๆ คุณเคยจากอาการต่างๆที่กัญชาจะมอบให้มากขึ้น ตอนนี้ก็หวังว่าบทความเหล่านี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ